SACICT หนุนหัตถกรรมไทย ขานรับนโยบายประเทศไทย 4.0 ดึงจุดแข็งต่อยอดนวัตกรรม Cross Innovation ผสานเครือข่ายภาครัฐ ภาคการผลิตเทคโนโลยี
งานศิลปหัตถกรรมถือเป็นมรดกล้ำค่าทางภูมิปัญญาและเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่แสดงออกถึงความเป็นไทย
แต่การจะพัฒนาหัตถกรรมไทยให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผสานความร่วมมือกับเครือข่ายทั้งภาครัฐ
ภาคการผลิต และเทคโนโลยี ที่มีความเชี่ยวชาญและโดดเด่นในด้านต่างๆ เพื่อตอบรับนโยบายประเทศไทย
4.0 ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ(องค์กรมหาชน) จึงได้จัดการอภิปรายเชิงวิชาการ
“Cross Innovation Symposium” เพื่อเป็นกิจกรรมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการต่อยอดจุดแข็งของงานหัตถกรรมให้นำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ
ขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาหัตถกรรมไทยสู่สากล พรรณวิลาส แพพ่วง ผู้จัดการสายงานพัฒนาการตลาด ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ
(องค์การมหาชน) กล่าวว่า การพัฒนาหัตถกรรมไทยเพื่อรองรับนโยบายประเทศไทย 4.0 ต้องอาศัยความร่วมมือ
โดยผสานจุดแข็งและความเชี่ยวชาญจากเครือข่ายภาคส่วนต่างๆ แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนที่ 1.Cross
Policy การผสานกับเครือข่ายองค์กรภาครัฐเพื่อร่วมมือส่งเสริมให้งานศิลปหัตถกรรมไทยให้เป็นที่รู้จัก
โดยใช้ความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญของแต่ละหน่วยงาน
เป็นสื่อกลางถ่ายทอดเรื่องราวของงานหัตกรรม นำจุดแข็งความเป็นไทยมาหนุนเสริมการทำงานกันและกัน
ส่วนที่
2.Cross Sector การผสานกับเครือข่ายผู้ผลิตในอุตสาหกรรมอื่นๆเพื่อต่อยอด
และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับงานหัตถกรรม เพราะการทำธุรกิจในโลกยุคนี้จะไม่สามารถแข่งขันได้
หากไม่มีนวัตกรรมสร้างสรรรค์และผสมผสานการทำงานที่มีความแปลกใหม่ ดังนั้น คนรุ่นใหม่จึงต้องเปลี่ยนมุมมองไปจากการทำธุรกิจในแบบเดิม
ส่วนที่ 3. Cross Technology การผสานความร่วมมือกับเครือข่ายที่มีความโดดเด่นและเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคโนโลยีในด้านต่างๆ
เพื่อผลักดันให้หัตถกรรมไทยเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ บนแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับวิถีโลก
หนึ่งในตัวอย่างความร่วมมือแบบ
Cross Policy ระหว่างเครือข่ายภาครัฐที่หนุนเสริมกันได้อย่างแข็งแกร่ง คือ
การส่งเสริมงานหัตถกรรมกับการท่องเที่ยว“วิถีไทย” ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้กับประเทศ
แสงจันทร์ แก้วประทุมรัศมี
รักษาการผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า
งานหัตถกรรมเป็นส่วนหนึ่งของวิถีไทยที่มีคุณค่า สามารถสร้างความประทับใจ
ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวที่ได้มาพบเห็นอยากเดินทางไปท่องเที่ยวตามรอยแหล่งผลิต สัมผัสภูมิปัญญาพื้นบ้าน
นอกจากจะสร้างรายได้แล้ว
ยังสร้างชื่อเสียงให้ศิลปวัฒนธรรมไทยได้รับการยอมรับทั่วโลก
“
ตัวอย่างเช่น หมู่บ้านทอผ้าไทยในจ.สุรินทร์ มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ชื่นชอบในงานศิลปะไทย
เดินทางมาโดยตรงเพื่อสั่งผ้าทอผืนหนึ่งราคา 3-4 แสนบาทขึ้นไป
โดยวางแผนกลับมาท่องเที่ยวและรับสินค้าในปีถัดไป บางรายยังต่อยอดทำธุรกิจนำเข้าส่งออก
ส่งผลให้เกิดการสร้างและกระจายรายได้สู่ชุมชนได้อย่างแท้จริง”
เช่นเดียวกับอีกหนึ่งมุมมองตัวแทนเครือข่าย Cross Policy ภาครัฐ นิธิรุจน์ โผนประเสริฐ ผู้อำนวยการกองสนเทศเศรษฐกิจ
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
กระทรวงต่างประเทศ ร่วมถ่ายทอดถึงการดำเนินงานของกระทรวงต่างประเทศที่ผ่านมาว่า
งานหัตถกรรมไทยสามารถเดินคู่ไปการทูตเชิงวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยหนุนเสริมกันและกัน
ตัวอย่างเช่น การจัดงานเทศกาลไทยเพื่อส่งเสริมให้ประเทศต่างๆได้รู้จักวัฒนธรรมอันดีงามของไทย
ซึ่งสินค้าหัตถกรรมไทยเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ไทยที่ได้นำไปจัดแสดงเป็นประจำทุกปี จนได้รับการยอมรับในต่างประเทศ
ขณะที่ตัวแทนผู้บริหารจากภาคการผลิต
ชัย นิมากร ประธานกรรมการอำนวยการ บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด แลกเปลี่ยนมุมมองถึงความร่วมมือในรูปแบบ
Cross Sector โดยยกตัวอย่างการนำความภาคภูมิใจในความเป็นไทย มาเป็นสร้างสรรค์การออกแบบสินค้ารุ่น“ศักดิ์ศรีปฐพีไทย”
และการนำแรงบันดาลใจจากชุดเสื้อเกราะนักรบโบราณของไทยมาดีไซน์ประยุกต์ให้เข้ากับเสื้อผ้ากีฬา โดยผู้บริหารแกรนด์สปอร์ต มองว่า
ยังมีโอกาสอีกมากที่สินค้าไทยจะเติบโตไปพร้อมกับกระแสโลกในด้านการกีฬา ไม่ว่าจะเป็น
การเชื่อมโยงสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยกับกีฬามวยไทยซึ่งเป็นที่รู้จักชื่นชอบของทั่วโลก
การใช้ซูเปอร์สตาร์นักกีฬาไทยเป็นทูตช่วยเผยแพร่สินค้าไทยให้กับแฟนคลับทั้งในและต่างประเทศ
เป็นต้น
ปิดท้ายด้วยมุมมองด้าน
Cross
Technology โดย จุลเกียรติ สินชัยชูเกียรติ Founder
& CEO : WAZZADU.com แพลตฟอร์มสำหรับการทำตลาด และซื้อขายด้านวัสดุและตกแต่งผ่านออนไลน์
ซึ่งชี้ให้เห็นความสำคัญของการทำธุรกิจด้วยเทคโนโลยีบนโลกออนไลน์
เพื่อขับเคลื่อนหัตถกรรมไทยไปสู่ระดับโลก โดยคำนึงถึงองค์ประกอบ 3C ได้แก่ C-Content การสร้างสรรค์เนื้อหาเล่าเรื่องราวของสินค้าผ่านกลยุทธ์
Storytelling ดึงดูดด้วยภาพถ่ายและเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างมีความต่อเนื่อง
, C-Create การสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจและวิธีการเข้าถึงตลาดด้วยเทคนิคใหม่ๆ
และ C-Community การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ
ภาคเอกชน จับมือร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ ในการโปรโมทสินค้าไทยไปสู่สากล
“ วัสดุดอทคอมเป็นคอมมูนิตี้ออนไลน์ที่รวบรวมสินค้าวัสดุและของตกแต่งกว่า
3 หมื่นรายการ 400 กว่าแบรนด์ชั้นนำสิ่งที่เราภูมิใจคือการเป็นสื่อกลางออนไลน์เพื่อเชื่อมโยงลูกค้าในต่างประเทศกับผู้ผลิตผลงานหัตถกรรมโดยตรง
ช่วยลดขั้นตอนคนกลาง โดยใช้เทคโนโลยีในการเข้ามาเติมเต็มโอกาสธุรกิจ วันนี้
ประเทศไทยเราจึงต้องไม่เป็นเพียงผู้ที่เสพเทคโนโลยีอย่างเดียว
แต่ต้องมาร่วมมือกันดึงจุดแข็งของงานหัตถกรรม มาต่อยอดกับนวัตกรรมในการทำธุรกิจ เพราะโอกาสในตลาดโลกรอเราอยู่”
วันนี้
หัตถกรรมไทยกับการขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 จึงไม่ใช่เรื่องไกลกัน
แต่ต้องเดินไปด้วยกัน โดยการต่อยอดหัตถกรรมด้วยนวัตกรรม Cross Innovation ผสานเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคการผลิต เทคโนโลยี นำจุดแข็งความเป็นไทยมาเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สู่การพัฒนาอย่างมั่งคั่ง และยั่งยืน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น